คำว่า “ประชาธิปไตยไทย”..
ผมไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่
กทม.ในตอนนี้เป็นเช่นไรกันบ้าง (26 พฤศจิกายน 2556)..
แล้วจะบอกยังไงดีว่า..
“ผมไม่สามารถเลือกข้างได้..
เพราะผมไม่ยอมรับ.."สุเทพ"..
แต่ผมไม่ชอบวิธีการบางอย่างของรัฐบาลที่หมกเม็ด..
แต่ผม.."ชอบนายก"...
แต่ผมก็ไม่ค่อยไว้วางใจคนชักใย.. ผมชอบประชาธิปไตย..
แต่ผมไม่ชื่นชอบ.."ระบอบทุนนิยม"..
การคอรัปชั่น
และระบบอุปถัมภ์เกินความยุติธรรมในสังคม.. ผมอยากมีประชาธิปไตย
ประชาชนเพื่อประชาชน..
คนมีธรรมเพื่อปกครองส่วนรวมโดยภาพรวม สังคมใดไม่มีคุณธรรม
ยุติธรรม สังคมนั้นเสื่อมและไปสู่ความพินาศ”..!!!
ผมถึงทำได้แค่นี้.. “ผมไม่เชื่อใจคนพวกนี้อีกแล้ว”..
ในระหว่างนี้เชื่อว่า “กำลังคุกรุ่น
รุนแรง และกำลังฮึกเหิมกันมากมายทั้ง 2 ฟากฝั่ง”..
ความจริงก็พรรคพวกเดียวกันทั้งนั้น..
แค่คำว่า "การเมืองมาขวางกั้น"
ก็ทำให้สายสัมพันธ์เพื่อนพ้องพี่น้องสหายรักขาดสะบั้น..
ผมขอร้องเหล่าท่านนายพลฯ
ทหารหาญอย่าได้ออกมาแต่อย่างใด..
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น “ท่านต้องอยู่อย่างอดทนอดกลั้น” ห้ามออกมาเด็ดขาด..
ตามที่ประชาชนส่วนใหญ่เขาเคยเรียกร้องไงว่า “ไม่ใช่เรื่องทหาร
มันเป็นการเมือง ปัญหาการเมืองต้องแก้ไขด้วยการเมือง”..
ตอนนี้มันเป็นการเมืองที่ใช้ “กลยุทธ์มวลชน” ที่จะออกไปสู่การจลาจล..
และอาจพัฒนาสู่ “สงครามกลางเมืองระหว่างประชาชนกับประชาชน”..
“”สงครามประชาชน””….++++
อย่าลืมว่า “คนไทยนั้นขี้ลืม” และไม่สนใจว่าใครทำอะไรไว้บ้าง
ดีชั่วแค่ไหนอะไรผ่านมาบ้าง..
ไม่เคยนึกสนใจว่า “แรกเริ่มมันมาจากเหตุใด
แล้วส่งผลกระทบอะไรไปบ้างแล้ว มองแต่ผลที่เผชิญอยู่ ณ ปัจจุบันนี้เท่านั้น”..
ผมก็เป็นคนส่วนน้อยส่วนหนึ่งที่รู้สึกแย่กับบรรยากาศในบ้านเมืองนี้..
ต้องอดทน อดกลั้น “อยู่ห่างๆ
อย่างห่วงๆ” มิอาจทำอะไรไปได้มากกว่าการคอยเตือนสติต่อมคิดให้ผู้คนเท่านั้น..
มากกว่านั้นผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้..
เพราะพวกเขาใช้กำลังกัน ”ทั้งกำลังคน
กำลังร่างกาย กำลังความคิด และกำลังเงิน”..
ซึ่งผมไม่สามารถช่วยอะไรได้ ผมมีแค่..”ช่วยเสริมความคิดสติปัญญาที่พอมี
แล้วเตือนให้มองบางเรื่องและจะพูดได้บางเรื่องเท่านั้น”..
ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ทั้ง 2 ฝั่งฝ่าย
ต่างเรียกร้องเพรียกหาคำว่า “ประชาธิปไตย”..!!!
ทั้งๆที่ผมยังสงสัยมากมายว่า “ประชาธิปไตยไทย..แท้จริงมีคืออะไรกันแน่?...”
ต้องการอะไรจากประชาธิปไตยไทย..
ประชาชนต่างออกมาต่อต้าน ต่อสู้ทางความคิด “ยึดถือว่าตนเอง
ฝ่ายตนเองถูกต้อง แล้วไม่ยึดกฎกติกาของฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด”...
แล้วจะบอกว่า “หาความยุติธรรม ยุติความขัดแย้ง สมานฉันท์” แล้วมันจะใช้อะไรมาเป็นตัววัดมาตรฐานความเป็นกลางได้..
ถ้าไม่ใช่กำลัง และพวกมากลากไปให้ถึงที่สุด..!!!
ทุกวันนี้มันคือการทำสงครามแก่งแย่งอำนาจระหว่าง
“ชนชั้น..ความเชื่อ..อำนาจรัฐ..อำนาจทุน”
ทั้ง 2
ฝั่ง กำลังถูกชักนำให้แย่งอำนาจมาเพื่อฝ่ายตนให้สำเร็จลุล่วงแก่อำนาจที่ต้องการนั้น..
แต่จงเชื่อเถิดว่า “เมื่อสงครามความคิดนี้สิ้นสุดลง
มันก็จะยังคงปริแยกแตกใน”
มิอาจแก้ไขปัญหาต้นตอแท้จริงลงได้..
เพราะว่าความเชื่อที่ว่า..” “ชนชั้น..ความเชื่อ..อำนาจรัฐ..อำนาจทุน”..มันยังคงอยู่ในสังคมแกนนำฝั่งฝ่ายนั้นต่อไป..
“ประชาชนตาดำๆ
ส่วนใหญ่ที่แท้จริง..พูดไม่ได้คายไม่ออกและไม่สามารถสะท้อนอะไรออกมาได้มากมายนัก”..
ได้แต่เป็นผู้ตามๆๆๆ และตามกระแสนั้นๆ ต่อไป
และก็จะยังคง “ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงอะไรต่อไป”..
หากจะได้มาซึ่ง “ประชาธิปไตยอย่างแท้จริงนั้น”..
รัฐบาลทุกรัฐบาลต้องออกกฎหมาย แก้ไขปัญหาสังคม
อาชญากรรม ความเหลื่อมล้ำ การพัฒนาประเทศชาติในทุกองค์รวมต่างหาก..
การบริหารจัดการเชิงสร้างสรรค์ให้เกิดความเป็นธรรม
ยุติธรรม เหมาะสม เหมาะควร และก้าวหน้าพัฒนา..
ต้องมองในภาพรวมของสังคมประเทศไทย “ยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย
ไม่ใช่เพียงแค่เสียงส่วนใหญ่อย่างเดียว..
แต่หมายถึงดูแลรับฟังเสียงส่วนน้อยที่ถูกต้อง และสมควรแก่สถานการณ์ด้วย”..
อาจเป็นเพียงหนึ่งในการพัฒนาสู่สังคมประชาธิปไตยที่มากขึ้นในอนาคตก็ได้..
หากแต่ไม่ใช่ “ประชาธิปไตยแบบทุนนิยม อำนาจนิยม หรือแม้แต่
คอรัปชั่นนิยม”..!!!
หากการเลือกตั้งยังคงอยู่ใต้ “อำนาจเงินแล้วไซร้” ความบรรลัยก็จะยังคงเคียงคู่ประเทศไทยต่อไปๆ
อีกยาวนาน..
ถ้าหากคิดว่า “การพลีชีพ พลีกาย พลีใจ เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง
เพื่ออะไรบางสิ่งบางอย่าง”..
ประโยชน์เฉพาะหน้าแล้ว..”เชื่อว่า..สังคมนี้จะยังคงสูญเสียและเป็นปัญหาร้ายแรงฝังรากลึกต่อๆไปอย่างไม่มีวันหมดสิ้นลง”..
อย่าเป็นความเจริญในทางเสื่อมกันอีกเลย..
ท้ายที่สุดแล้วทหารหาญจงรอ และรอ ต่อไป..
ซากปรักหักพังยังมีให้คอยสะท้อนใจอีกเยอะเลย..
จากนี้ไปเราและท่านจงมาร้องเพลงคลอเบาๆ ว่า.. “ปล่อยเขาไป
ปล่อยเขาไป...”
ไม่มีอะไรทำได้มากกว่านี้จริงๆ..
ค้นหาชัยชนะ “บนซากปรักหักพัง”..
ไทยไม่ก้าวเดินไปข้างหน้า
แม้ว่าจะมีทรัพยากรในทุกมิติที่เป็นจุดแข็งในบริบทของตนเอง..
แต่คงไม่มีนานาชาติหรือใครๆ
จะมานั่งรอความไม่แน่นอนบนสังคมการเมืองที่ไม่มีความนิ่งสงบและมั่นคงได้ยาวนาน..
เอาละ ในเมื่อเราต้องอยู่ในประเทศนี้
บ้านเมืองนี้ เราหนีไปไหนไม่ได้ ได้แต่ต้องทน ทำ และเฝ้ารอการปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ที่มันจะเป็นไป..
ทุกฝั่งฝ่าย ทุกบริบทบริหาร ทุกรัฐบาล
ทุกนโยบาย และทุกระบอบที่ต้องมา..”บริหารจัดการประเทศไทย” ต่อไป..
เมื่อสิ้นสุดสัญญาณนี้ ..@%^%&&*^(^*(*#$$%@#.. “เชิญท่านลงมือได้ตามอัธยาศัย
อยากทำอะไรก็ทำ..”
ท้ายที่สุดแล้วผมเชียร์บทบาททหารหาญ
และขอร้องว่าให้อดทน อดกลั้น ด้วยหัวใจรักชาติ...
“ทหาร..อย่าออกมา”..!!!
เพราะคนไทยขี้ลืม และไม่เคยจดจำว่า.. “ใครเคยทำดีไว้เพื่อส่วนรวมอะไรบ้าง..???”
เหอะๆๆ